“ซีเอ็นเอ็น” พากย์ภาษาไทย


เกือบจะพร้อมๆ กับการจบม๊อบเสื้อแดงกลางสี่แยกราชประสงค์ คนกลุ่มหนึ่งได้ก่อกระแสความไม่พอใจและตั้งคำถามต่อการทำหน้าที่ของสำนักข่าวซีเอ็นเอ็น, สำนักข่าวระดับโลกของคนผิวขาว  ถือได้ว่าเป็นกระแสที่ได้รับการตอบรับจากหมู่คนไทยผิวขาวอย่างกว้างขวาง อย่างน้อยก็ปรากฎให้เห็นผ่านการรายงานข่าวของสำนักข่าวกระแสหลัก

คนบางคนกลายมาเป็นตัวละลรในข่าวการเมืองอย่างไม่น่าจะเป็นไปได้ อย่างเช่นคุณสุกี้ สุโกศล หรือคุณสมเถา สุจริตกุล แต่ศิลปินแท้ๆ กลับวิพากษ์ได้อย่างถึงใจ  งานเขียนของคุณสมเถา don’t blame Dan Rivers น่าอ่านมากทีเดียว

อธิบายได้ง่ายๆ ว่า  โลกตะวันตกนั้นมีโลกทัศน์ในการมองการเมืองในโลกตะวันออกอย่างตายตัว นั่นคือมี plot หรือโครงเรื่องเล่าชุดหนึ่ง ซึ่งเชื่อว่าสามารถนำมาใช้อธิบายชนทุกกลุ่มของโลกตะวันออกได้ โดยไม่ผิดเพี้ยนไปจากความจริง ทำนองว่าประเทศโลกที่สามหรือประเทศด้อยพัฒนาเป็นประเทศที่กำลังต่อสู้กับผู้ปกครองเผด็จการเพื่อให้ได้ระบอบประชาธิปไตย

แต่จะว่าไปแล้วการวิพากษ์วิจารณ์ CNN ครั้งนี้  ก็หาใช่เรื่องใหม่ไม่ ในคนไทยด้วยกันก็เคยเกิดขึ้นมาแล้ว แต่จำกัดวงแคบอย่างมาก

ใครตามอ่านเว็บไซต์ประชาไทช่วงเกิดสงครามอ่าวเปอร์เซียระหว่างสหรัฐ-อิรัก ก็จะพบว่าเว็บไชต์ปัญญาชนของคนชั้นกลางแห่งนี้ ได้เสนอบทวิพากษ์ CNN อย่างต่อเนื่องเป็นระยะๆ ทั้งแปลมาทั้งเขียนเองทั้งสัมภาษณ์ เนื้อสาระบางส่วนก็คล้ายหรือซ้ำกับสิ่งที่สมเถาเขียน ประชาไทยังพยายามถึงขั้นที่จะปอกเปลือกให้เห็นสิ่งที่อาจจะเรียกรวมๆ ได้ว่า “จักรวรรดินิยมทางการสื่อสาร/วัฒนธรรม”  ประเทศมหาอำนาจกำลังครอบครองโลกผ่านองค์กรอย่าง CNN, BBC, CBS หรือ HBO เป็นต้น

สำนักข่าวเอกชนเหล่านี้กำลังนำเสนอภาพในอิรักผ่านมุมมองหรือสายตาของคนผิวขาว ไม่แปลกอย่างไรที่ภาพของประธานาธิบดีซัดดัมจะประหนึ่งปีศาจ และพยายามอธิบายปฎิบัติการของทหารสหรัฐฯ ว่าเป็นการ “ปลดปล่อย”  แต่ทว่านี่เป็นเพียง “นอมินี” ของการปกปักรักษาผลประโยชน์ของสหรัฐฯ ในตะวันออกกลาง

ระหว่างนั้นผมอ่านเนื้อหาพวกนี้พร้อมกับดูภาพข่าว ไม่ว่าจะซีเอ็นเอ็นหรือบีบีซี ก็เห็นประชาชนอิรักมากมายแห่ออกมา “รักทหาร”  ต่างแสดงความปีติยินดีกับการมาถึงของกองทัพสหรัฐฯ เพื่อช่วยปลดแอกพวกเขาออกจากระบอบเผด็จการซัดดัม

ขณะสงครามดำเนินไปนั่นเอง ได้มีการเปิดตัวสำนักข่าวอัลจาร์ซีร่า, ชื่อก็บอกแล้วว่าสัฐญชาติอาหรับ เพื่อนำเสนอมุมมองจากฝ่ายผู้ถูกกระทำ และยังเป็นการทัดทานหรือถ่วงดุลข่าวสารที่มาจากสำนักข่าวตะวันตก/ผิวขาวแต่ฟากเดียว

เว็บประชาไทอีกนั่นแหละ เหมือนจะเป็นแหล่งเดียวที่นำเสนอข่าวสารนี้ด้วยความตื่นเต้นยินดี เกินหน้าตาสื่อกระแสหลักอื่นๆ เดาว่าในใจของเขาคงคิดว่าสักวัน “กูจะเป็นอัลจาร์ซีร่าของเมืองไทย”

ณ วันนี้ เมื่อสถานการณ์สู้รบเกิดขึ้นในกรุงเทพฯ อยู่ “ใต้จมูก” ของประชาไท มิได้ห่างไกลไปนอกประเทศ  แต่วิธีการมองปัญหากลับหยิบยืม “โครงสร้างสากล” ของสำนักข่าวฝรั่งผิวขาวมาใช้ ไอ้สิ่งที่เคยวิพากวิจารณ์เขานั้นไม่รู้ว่าถูกเสกหายไปไหน ทำให้ขณะที่เขาวางตัวอยู่ตรงข้ามสื่อไทยกระแสหลัก เขาก็หนีไม่พ้นที่จะกลายเป็นพันธมิตรของซีเอ็นเอ็น (ทั้งที่เคยวิพากษ์มาก่อน) สนับสนุนการรายงานของสำนักข่าวอย่างซีเอ็นเอ็นหรือบีบีซีอย่างแข็งขัน

น่าขันเหมือนกันที่ภาพข่าวชายในชุดดำถืออาวุธสงครามเดินอาดๆ ในหมู่คนเสื้อแดง แพร่ภาพประจานไปทั่วโลกกลับเป็นสำนักข่าวอัลจาร์ซีร่า ซึ่งประชาไทเชียร์มาก่อน

ใส่ความเห็น